หลวงปู่ควอนตัม (ตอนที่ 1)


วันนี้ตั้งแต่เช้าตื่นมาก็เปิดเจออีเมล์ของน้องชาย
ส่งมาเล่าเรื่องความประทับใจของเขาที่ได้มีโอกาสใกล้ชิด ประสบการณ์พิเศษ สัมผัสความสงบเย็นเกินจะบรรยายจากพระอริยสงฆ์รูปหนึ่ง แล้วพอตกบ่ายก็ได้คุยกับน้องอีกคนซึ่งเขาเคยมาเยี่ยมเยียนที่เชียงราย เมื่อสองสามปีก่อน (สมัยมูลนิธิฯ ยังอยู่ที่อิงดอยรีสอร์ท) ใน hi5 และที่ต้องเกริ่นถึงน้องคนนี้ก็เพราะเขาเป็นเหตุให้ภารกิจ ณ ปัจจุบันขณะนี้ กระจ่างชัดขึ้นมา อันเป็นประเด็นที่ทำให้ต้องมาเปิดข้อเขียน “หลวงปู่ควอนตัม” นี้ขึ้น

น้องคนนี้เขาเคย set profile ของเขาไว้ว่า “อ่านหนังสือของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล จบแล้ว” ก็เลยทำให้สนใจอยากรู้จักเขาให้มากกว่าความรู้สึกแค่คุ้นๆ น่าตา ทำให้ไปไถ่ถามคุณใหญ่ (วิศิษฐ์ วังวิญญู) ว่าน้องเอ๋คนนี้เป็นใครกัน รายนั้นก็ตอบมาว่า “ก็เอ๋ที่อ่านเคน วิลเบอร์ ไงล่ะ” โอ้โห… คนอ่านเคน วิลเบอร์ แตกฉานบ้านเราก็มีไม่กี่คน (อ่านแตกจนคุณใหญ่จำได้) แล้วยังมา “ริอ่าน” หนังสือหลวงปู่ควอนตัมอีกแน่ะ จำเราจะต้องเข้าไปทักทายเขาเสียหน่อยแล้ว

น้องเอ๋ชวนคุยกลับมาว่าเขาอ่าน “จิตคือพุทธะ” ที่หลวงปู่เทศน์แล้วเหมือนอ่าน A Brief History of Everything ของ เคน วิลเบอร์ หรือว่าเคนเขียนเหมือนหลวงปู่เทศน์กันแน่ ?? แล้วพี่เมมองคำสอนหลวงปู่จากมุมมองควอนตัมแล้วเป็นไง ชวนให้เล่าสู่กันฟัง…

เมื่อนานมาแล้ว พ่อ (หมอประสาน ต่างใจ) เคยบอกไว้ว่า มีหลวงปู่… รูปหนึ่งพูดภาษาควอนตัม ลูกก็ไม่เคยได้เที่ยวไปค้นหา จนกระทั่งวันหนึ่งได้พบหนังสือ “หลวงปู่ฝากไว้” (รวบรวมบันทึกไว้โดย พระครูนันทปัญญาภรณ์) เป็นหนังสือเล่มเล็กที่บันทึกคำของหลวงปู่ เป็นบทสั้นๆ เอาไว้ ก็เลยลองพลิกๆ อ่านดู … การริอ่านโดยบังเอิญครั้งนั้นสร้างความตื่นตะลึงลาน งง ทึ่ง จนถึงรู้แจ้งกระจ่างในใจว่าหลวงปู่ดูลย์นี้ไซร้ แน่แท้ “หลวงปู่ควอนตัม” ที่พ่อบอก

กลับไปยังประเด็นที่น้องเอ๋ตั้ง อย่างตั้งใจจะให้ไปพ้นการเปรียบเทียบแบบหยาบๆ แต่… เมื่อกลับไปพลิกดู “จักรวาลกับสัจธรรม” ซึ่งพ่อรวมความจริงทางควอนตัมเอาไว้ มาประกอบกันแล้ว ก็คงจะต้องขอเชิญคนอ่านพิจารณาหยาบ ละเอียด กันไปตามภูมิธรรมเถิด

เริ่มจากหัวข้อ “จริง แต่ไม่จริง” ของหลวงปู่ ซึ่งตอบคำถามที่ว่าเมื่อผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐาน ทำสมาธิภาวนา เห็นนิมิตต่างๆ กันไป บ้างเห็นนรก สวรรค์ หรือไม่ก็เห็นองค์พระพุทธรูป สิ่งที่เขาเห็นเหล่านั้นเป็นจริงหรือ? หลวงปู่บอกว่า
“ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง” ซึ่งขอนำมาวางเคียงกับ
กฏควอนตัมข้อที่ 1 นีลส์ บอห์ร สรุปว่า “There is no reality in the absence of observation” (สรรพสิ่งไม่มีจริงถ้าเราไม่เข้าไปสังเกตมัน) หรือโลกและจักรวาลเป็นจริงตามที่เราสัมผัส มันจริงในระดับกายวัตถุเท่านั้น แต่ไม่เป็นจริงในโลกควอนตัม

ปัญหาโลกแตกแบบมโนสาเร่ หลวงปู่ก็เคยตอบไว้เมื่อมีผู้ถามว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน หลวงปู่ตอบว่า “เกิดพร้อมกันนั่นแหละ” นี่หากจะเทียบอาจนำไปเทียบได้กับภาพมือสองข้างที่ต่างก็วาดกันและกันขึ้นมา ตามกฏความจริงทางควอนตัมข้อที่ 2 Observation Creates worldly reality หรือที่จอห์ อาร์ซิบาลบอกว่า “เป็นความจริงที่ผู้สังเกตสร้างขึ้นมา ไม่มีปฐมกาลหรือปรากฏการณ์ใดเป็นจริงจนกว่าปรากฏการณ์นั้นจะถูกสังเกต"

ส่วนในบท “โลกกับธรรม” หลวงปู่บอกว่า “สิ่งใดซึ่งสามารถรู้ได้ สิ่งนั้นเป็นของโลก สิ่งใดไม่มีอะไรจะรู้ได้ สิ่งนั้นคืออธรรม โลกมีของคู่อยู่เป็นนิจ แต่ธรรมเป็นของสิ่งเดียวรวด"
ความจริงทางควอนตัมข้อที่ 3 Reality is undivisable wholeness ความจริงแท้คือความเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่อาจแบ่งแยกออกจากกันได้ สรรพสิ่งและปรากฏการณ์ต่อเนื่องกันด้วยส่วนขยาย (attributes) ที่ได้มาจากอนุภาค ส่วนขยายจะพัวพันเชื่อมโยงกันเป็นพื้นฐาน การเกิดของสรรพสิ่งและสรรพปรากฏการณ์ (Phrase-Tangleness) ซึ่งในระดับควอนตัมที่แยกจากกันไม่ได้นี้เป็นพื้นฐานหลักที่เดวิด โบห์มเรียกว่า “The inseparable quantum interconnectedness of the universe in the fundamental reality”

มีต่อตอนที่ 2

2 ความคิดเห็น:

  1. ผมยังจำได้ ถึงอาการอ้าปากค้างของตนเอง เมื่อครั้งได้อ่าน "จิตคือพุทธะ" เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2537
    จนแม้ทุกวันนี้ ก็ยังได้ความรู้สึกที่สดใหม่ แปลกต่างจากครั้งก่อนๆทุกครั้งที่กลับไปอ่านซ้ำ
    อยากเห็นคุณเม นำควอนตัมมาจับ"สุขุมรูป" ท่าทางจะสนุกแน่ๆเลย

    ตอบลบ